ภาษาคอมพิวเตอร์

ส่งต่อให้เพื่อนอ่าน :
Print Friendly, PDF & Email

ภาษาคอมพิวเตอร์

ภาษาคอมพิวเตอร์หรือภาษาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ (Computer Programming Language) มีพื้นฐานมาจากการเปิดและปิดกระแสไฟฟ้า หรือระบบเลขฐานสอง คือ 0 และ 1 เรียงต่อกันเพื่อแทนความหมายต่าง ๆ ในคอมพิวเตอร์ ปัจจุบันมีผู้สร้างและพัฒนาภาษาคอมพิวเตอร์หลายภาษา เช่น John Kemeny และ Thomas Kurtz สร้างภาษาเบสิก (BASIC) Niklaus Wirth สร้างภาษาปาสคาล (PASCAL) และ Dennis Ritchie สร้างภาษาซี (C) ภาษาคอมพิวเตอร์แบ่งตามลักษณะของภาษาและการใช้งานได้ 4 ประเภท ดังนี้

  1. ภาษาเครื่อง (Machine Language) เป็นภาษาพื้นฐานของคอมพิวเตอร์ มีลักษณะเป็นตัวเลขในระบบเลขฐานสอง คือ 0 และ 1 ภาษาเครื่องเป็นภาษาในรูปแบบเดียวที่คอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจและนำไปใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องใช้ตัวแปลชุดคำสั่ง แต่มนุษย์จะเข้าใจได้เมื่อแทนด้วยรหัสแทนข้อมูล
  2. ภาษาแอสเซมบลี (Assembly Language) จัดเป็นภาษาระดับต่ำ (Low-level Language) ที่พัฒนามาจากภาษาเครื่อง โดยภาษาแอสเซมบลีจะใช้รหัสภาษาอังกฤษแทนคำสั่งในคอมพิวเตอร์ ทำให้การเขียนโปรแกรมหรือชุดคำสั่งในภาษาแอสเซมบลีทำได้ง่ายและสะดวกกว่าการเขียนโปรแกรมหรือชุดคำสั่งในภาษาเครื่อง แต่วิธีการเขียนคำสั่งยังมีส่วนคล้ายคลึงกับภาษาเครื่อง รหัสที่ใช้เป็นคำสั่งในภาษาแอสเซมบลี เรียกว่า รหัสนีมอนิก (Mnemonic Code) ใช้แทนเลขฐานสองที่เป็นภาษาเครื่อง
  3. ภาษาระดับสูง (High-level Language) หรือภาษาในยุคที่สาม (Third-generation Language) เป็นภาษาคอมพิวเตอร์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อให้มนุษย์สามารถเข้าใจภาษาที่ใช้ในคอมพิวเตอร์มากยิ่งขึ้น จึงมีลักษณะคล้ายคลึงกับภาษาที่มนุษย์ใช้ในปัจจุบัน การใช้งานภาษาระดับสูงจะต้องอาศัย
    ตัวแปลภาษา ได้แก่ คอมไพเลอร์และอินเทอร์พรีเตอร์
  4. ภาษาระดับสูงมากและภาษาธรรมชาติ (Natural Language) จัดเป็นภาษารุ่นที่ 4 และ 5 ของพัฒนาการภาษาคอมพิวเตอร์ สามารถใช้งานได้ง่ายและตอบสนองต่อผู้ใช้งานทั่วไปมากยิ่งขึ้น คำสั่งของภาษาในระดับนี้จะไม่มีการกำหนดขั้นตอน แต่จะเป็นการบอกหรือระบุสิ่งที่ต้องการแทน นอกจากนี้ในภาษาธรรมชาติยังสามารถโต้ตอบกับผู้ใช้และมีความยืดหยุ่นในการใช้คำสั่งมากยิ่งขึ้น เนื่องจากจะใช้ระบบฐานความรู้ (Knowledge Base System) ช่วยในการแปลความหมายของคำสั่งต่าง ๆ

ที่มา : คู่มือครู แผนการสอน เทคโนโลยีสารสนเทศ ม.3 สำนักพิมพ์วัฒนาพาณิชย์

ส่งต่อให้เพื่อนอ่าน :

ความหมายและประเภทของเงิน

ความหมายของเงิน: เงินเป็นสิ่งที่มีค่าใช้และมีความสำคัญในการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ มันเป็นสัญลักษณ์ของมูลค่าที่ใช้ในการซื้อขายหรือการแลกเปลี่ยนในชุมชนหรือระบบเศรษฐกิจ นอกจากนี้เงินยังมีคุณสมบัติเป็นเครื่องมือในการเก็งกำไรหรือการลงทุน มันสามารถเป็นอาหารสำหรับการค้าหรือก็เป็นหนี้ที่จะชำระในอนาคต ประเภทของเงิน: เงินเหรียญ: เป็นเงินที่มีรูปร่างและมีค่าตามตัว เหรียญสามารถใช้แลกเปลี่ยนสินค้าและบริการได้โดยตรง ตัวอย่างเช่น เหรียญเงินทอง และเหรียญเงินแสน เงินแบงก์โนตัส: เป็นเงินที่ถูกเก็บรักษาโดยธนาคารหรือองค์กรการเงิน มีรูปแบบเป็นเช็ค บัตรเครดิต และเงินฝากในบัญชีธนาคาร เงินแบงก์โนตัสมักถูกใช้ในการทำธุรกรรมทางการเงิน การชำระเงิน และการออมเงิน ทั้งเงินเหรียญและเงินแบงก์โนตัสมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการแลกเปลี่ยนในโลกปัจจุบัน การเข้าใจและการจัดการเงินอย่างมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการบริหารจัดการการเงินของบุคคลและองค์กรทางธุรกิจในทุกๆ ระดับ...

Generative AI คืออะไร? ทำไมถึงเป็นที่พูดถึง?

Generative AI คืออะไร? ทำไมถึงเป็นที่พูดถึง? Generative AI หรือ ปัญญาประดิษฐ์เชิงกำเนิด คือ เทคโนโลยี AI ที่สามารถสร้างข้อมูลใหม่ ๆ ได้อย่างอัตโนมัติ โดยไม่ต้องมีมนุษย์เข้ามาควบคุม ตัวอย่างผลงานของ Generative AI เช่น สร้างข้อความ: เขียนบทความ แต่งกลอน...

เทคโนโลยีในการสื่อสารกับผู้ปกครอง: การเชื่อมต่อและสร้างความเข้าใจในยุคดิจิทัล

ทำความรู้จักเทคโนโลยีที่ช่วยในการสื่อสารกับผู้ปกครอง! บทความนี้เสนอแนวทางการใช้แอปพลิเคชัน แพลตฟอร์มการประชุมออนไลน์ และสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อสร้างการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพระหว่างโรงเรียนและครอบครัวผ่านเทคโนโลยีสมัยใหม่ ติดตามความก้าวหน้าของบุตรหลานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความเข้าใจในข้อมูลที่สำคัญของเด็กๆ อย่างรวดเร็วและสะดวกสบาย...

การใช้เทคโนโลยีในการประเมินผลการเรียนรู้

บทนำ การประเมินผลการเรียนรู้เป็นส่วนสำคัญในการวัดผลการศึกษาในระบบการเรียนการสอนปัจจุบัน ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ทำให้กระบวนการนี้สามารถพัฒนาและปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เทคโนโลยีที่ใช้ในการประเมินผลการเรียนรู้ไม่เพียงช่วยเพิ่มความแม่นยำ แต่ยังสามารถลดเวลาและความซับซ้อนในกระบวนการประเมินอีกด้วย ความสำคัญของการประเมินผลการเรียนรู้ การประเมินผลการเรียนรู้ช่วยให้ครูและนักเรียนทราบถึงความสามารถในการเรียนรู้และความก้าวหน้าในการศึกษา การประเมินที่มีประสิทธิภาพยังสามารถชี้ให้เห็นถึงจุดแข็งและจุดอ่อนของนักเรียน ทำให้ครูสามารถปรับปรุงวิธีการสอนให้เหมาะสมกับความต้องการของนักเรียนแต่ละคนได้ เทคโนโลยีที่ใช้ในการประเมินผลการเรียนรู้ ระบบการจัดการการเรียนรู้ (LMS) ระบบการจัดการการเรียนรู้ (Learning Management System: LMS) เช่น Moodle, Canvas, Blackboard เป็นต้น เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการจัดการการเรียนการสอนและการประเมินผล นักเรียนสามารถเข้าถึงเนื้อหาเรียนและทำการทดสอบออนไลน์ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว...

เทคโนโลยีช่วยยกระดับการเรียนรู้: วิธีการสอนที่นำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

เทคโนโลยีช่วยยกระดับการเรียนรู้: วิธีการสอนที่นำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ในยุคดิจิทัล เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญในทุกแง่มุมของชีวิต การศึกษา ก็เช่นกัน เทคโนโลยีสามารถนำมาใช้เพื่อพัฒนาการเรียนการสอน เพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ และสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่สนุกสนาน ยืดหยุ่น และเข้าถึงได้ง่ายขึ้น บทความนี้จะนำเสนอวิธีการสอนที่นำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ ดังนี้ 1. การใช้สื่อมัลติมีเดีย: วิดีโอ: การใช้สื่อวิดีโอช่วยให้นักเรียนสามารถเรียนรู้เนื้อหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ วิดีโอสามารถนำเสนอเนื้อหาที่ซับซ้อนให้น่าสนใจ เข้าใจง่าย กระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วม และช่วยให้นักเรียนจดจำเนื้อหาได้ดีขึ้น อินโฟกราฟิก: อินโฟกราฟิกเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการนำเสนอข้อมูลที่ซับซ้อนให้น่าสนใจและเข้าใจง่าย ช่วยให้นักเรียนสามารถวิเคราะห์ข้อมูล เปรียบเทียบข้อมูล...

About ครูออฟ 1253 Articles
https://www.kruaof.com