รู้จัก “สแกมเมอร์” (Scammer) คืออะไร? รู้ทันกลลวงมิจฉาชีพออนไลน์… ก่อนตกเป็นเหยื่อ!

ส่งต่อให้เพื่อนอ่าน :

ในยุคที่ทุกอย่างเชื่อมต่อกันด้วยอินเทอร์เน็ต ความสะดวกสบายก็มาพร้อมกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า “สแกมเมอร์” (Scammer) ซึ่งเป็นมิจฉาชีพออนไลน์ที่จ้องจะหลอกลวงเอาทรัพย์สินและข้อมูลส่วนตัวของเราไป บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับพวกเขาอย่างละเอียด เพื่อให้คุณรู้ทันและสามารถปกป้องตัวเองได้อย่างมั่นใจ

“สแกมเมอร์” คืออะไร?

สแกมเมอร์ (Scammer) คือ บุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่ใช้อุบาย กลลวง หรือการหลอกลวงผ่านช่องทางออนไลน์ (เช่น โซเชียลมีเดีย, อีเมล, แอปพลิเคชันหาคู่, เว็บไซต์) เพื่อให้เหยื่อหลงเชื่อและมอบ ทรัพย์สิน เงินทอง หรือ ข้อมูลส่วนตัว ที่สำคัญ เช่น รหัสผ่าน ข้อมูลบัตรเครดิต หรือข้อมูลทางธนาคาร ให้แก่พวกเขา

สแกมเมอร์มักจะสร้างเรื่องราวที่น่าเชื่อถือ สร้างสถานการณ์ที่เร่งด่วน หรือใช้ประโยชน์จากความรู้สึกของเหยื่อ เช่น ความโลภ ความกลัว หรือความเหงา เพื่อให้เหยื่อขาดสติและตัดสินใจอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันไตร่ตรอง

Gemini Generated Image od59mood59mood59

สแกมเมอร์มีกี่แบบ? 5 กลลวงยอดฮิตที่ต้องระวัง!

รูปแบบการหลอกลวงของสแกมเมอร์มีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา แต่สามารถแบ่งกลโกงยอดฮิตที่พบบ่อยได้ดังนี้:

1. โรแมนซ์ สแกม (Romance Scam) หรือ หลอกให้รักแล้วหลอกเอาเงิน

  • กลลวง: มิจฉาชีพสร้างโปรไฟล์ปลอมที่ดูดีและน่าเชื่อถือ เข้ามาตีสนิท พูดจาหว่านล้อม สร้างความสัมพันธ์ทางอารมณ์จนเหยื่อรู้สึกรักและไว้ใจ
  • เป้าหมาย: เมื่อเหยื่อตกหลุมรักแล้ว จะเริ่มสร้างเรื่องดราม่าว่าประสบปัญหาทางการเงินอย่างกะทันหัน เช่น ป่วยหนัก ต้องใช้เงินด่วนในการเดินทาง มีปัญหากฎหมาย หรือติดขัดเรื่องภาษีมรดก และขอให้เหยื่อโอนเงินช่วยเหลือ
  • ข้อสังเกต: พวกเขาจะหลีกเลี่ยงการวิดีโอคอล หรือมักมีเหตุผลให้คุณโอนเงินไปต่างประเทศ

2. อินเวสเมนต์ สแกม (Investment Scam) หรือ หลอกให้ลงทุนปลอม

  • กลลวง: ชักชวนให้ลงทุนในธุรกิจหรือแพลตฟอร์มที่อ้างว่าให้ ผลตอบแทนสูงผิดปกติ ในระยะเวลาสั้น ๆ เช่น ลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซี ทองคำ หรือธุรกิจต่าง ๆ ที่ดูดีแต่ไม่มีอยู่จริง
  • เป้าหมาย: ในช่วงแรกอาจมีการจ่ายผลตอบแทนเล็กน้อยเพื่อสร้างความเชื่อมั่น จากนั้นจะกระตุ้นให้เหยื่อลงทุนด้วยเงินก้อนที่ใหญ่ขึ้น เมื่อเหยื่อโอนเงินก้อนใหญ่แล้ว พวกเขาก็จะปิดช่องทางการติดต่อและเชิดเงินหนีไป
  • ข้อสังเกต: ผลตอบแทนที่สูงเกินจริงและเร่งรัดให้ตัดสินใจลงทุนอย่างรวดเร็ว

3. ฟิชชิ่ง (Phishing) และ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ (Call Center Scam)

  • กลลวง:
    • ฟิชชิ่ง: ส่งอีเมลหรือ SMS ปลอมที่แอบอ้างเป็นหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ เช่น ธนาคาร, กรมสรรพากร, บริษัทขนส่ง หรือแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อให้เหยื่อกดลิงก์ปลอมและกรอกข้อมูลส่วนตัว/รหัสผ่าน
    • แก๊งคอลเซ็นเตอร์: โทรมาแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ตำรวจ หรือธนาคาร แจ้งว่าเหยื่อมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีผิดกฎหมาย บัญชีถูกระงับ หรือมีพัสดุผิดกฎหมาย
  • เป้าหมาย: สร้างความตื่นตระหนกให้เหยื่อโอนเงินเพื่อ “เคลียร์คดี” หรือ “ตรวจสอบบัญชี” หรือหลอกให้ติดตั้งแอปพลิเคชันที่ฝังมัลแวร์เพื่อดูดข้อมูลทางการเงิน
  • ข้อสังเกต: การข่มขู่, การเร่งรัดให้ดำเนินการทันที, การแจ้งว่ามีปัญหาทางกฎหมายและให้โอนเงินเพื่อแก้ปัญหา

4. ช้อปปิ้งออนไลน์ปลอม (Online Shopping Scam)

  • กลลวง: สร้างร้านค้าออนไลน์ปลอมบนโซเชียลมีเดียหรือเว็บไซต์ที่เลียนแบบร้านจริง เสนอขายสินค้าใน ราคาถูกจนน่าเหลือเชื่อ และมักจำกัดเวลา
  • เป้าหมาย: หลอกให้เหยื่อโอนเงินค่าสินค้า แต่สุดท้ายกลับไม่ได้รับสินค้า หรือได้รับสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน/ไม่ตรงปก
  • ข้อสังเกต: ราคาต่ำเกินจริง, ใช้บัญชีบุคคลธรรมดาในการรับโอนเงิน, ไม่มีรีวิวที่น่าเชื่อถือ

5. ลอตเตอรี่/รางวัลปลอม (Prize/Lottery Scam)

  • กลลวง: แจ้งว่าคุณได้รับรางวัลใหญ่ เงินมรดก หรือถูกลอตเตอรี่ แต่ต้องจ่าย “ค่าธรรมเนียม”, “ค่าภาษี” หรือ “ค่าดำเนินการ” ก่อนจึงจะสามารถรับรางวัลได้
  • เป้าหมาย: หลอกให้เหยื่อโอนเงินค่าธรรมเนียมก้อนเล็ก ๆ แต่สุดท้ายก็ไม่มีรางวัลใด ๆ
  • ข้อสังเกต: ไม่เคยเข้าร่วมกิจกรรม แต่กลับได้รับรางวัล, การให้โอนเงินเพื่อแลกกับการรับรางวัล

วิธีป้องกันตัวเอง… ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของสแกมเมอร์

1. “อย่าโลภ อย่ากลัว อย่าเหงา” คือหัวใจสำคัญ

  • อย่าโลภ: อย่าหลงเชื่อข้อเสนอที่ให้ผลตอบแทนสูงเกินจริง หรือได้รับรางวัลโดยไม่มีที่มา
  • อย่ากลัว: เจ้าหน้าที่รัฐหรือธนาคาร ไม่เคย โทรศัพท์มาแจ้งว่าคุณมีคดีและให้โอนเงินเพื่อตรวจสอบ
  • อย่าเหงา: ระวังบุคคลแปลกหน้าที่เข้ามาตีสนิทและขอเงินด้วยเหตุผลที่ดูดราม่าเกินจริง

2. ตรวจสอบ “แหล่งที่มา” เสมอ

  • อีเมล/SMS: อย่าคลิก ลิงก์ ที่แนบมากับข้อความที่ไม่รู้จัก หรือข้อความที่ดูเร่งด่วน หากเป็นธนาคารหรือหน่วยงาน ให้โทรศัพท์ตรวจสอบกับเบอร์ทางการของหน่วยงานนั้นโดยตรง
  • เว็บไซต์: สังเกตชื่อเว็บไซต์ (URL) และความปลอดภัย (ต้องมีรูปกุญแจ $\lock$ และขึ้นต้นด้วย $https://$)
  • บัญชีผู้ติดต่อ: ตรวจสอบโปรไฟล์บนโซเชียลมีเดียว่ามีการโพสต์สม่ำเสมอหรือไม่ มีเพื่อนร่วมกันที่น่าเชื่อถือหรือไม่

3. ตั้งรหัสผ่านให้แข็งแกร่งและเปิดใช้งาน 2FA

  • ใช้รหัสผ่านที่ยากต่อการคาดเดา และไม่ใช้รหัสผ่านชุดเดียวกันในทุกบัญชี
  • เปิดใช้งาน การยืนยันตัวตนสองขั้นตอน (Two-Factor Authentication: 2FA) สำหรับทุกบัญชีออนไลน์ที่มี เพื่อเพิ่มชั้นความปลอดภัย

4. ปรึกษาและระงับบัญชีทันที

  • หากได้รับข้อความหรือการติดต่อที่น่าสงสัย ให้ปรึกษาคนใกล้ชิดหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนโอนเงินหรือให้ข้อมูล
  • หากรู้ตัวว่าตกเป็นเหยื่อแล้ว ให้รีบติดต่อธนาคารเพื่อ ระงับบัญชี และแจ้งความกับตำรวจทันที

ข้อแนะนำสำหรับผู้อ่าน Kruaof.com: ในโลกออนไลน์ การป้องกันที่ดีที่สุดคือการมีสติและไม่ไว้ใจใครง่าย ๆ อย่าให้มิจฉาชีพเข้ามาทำลายความสุขและความมั่นคงทางการเงินของคุณได้ ด้วยความรู้และระมัดระวัง คุณจะสามารถท่องโลกออนไลน์ได้อย่างปลอดภัยแน่นอน!

About ครูออฟ 1868 Articles
https://www.kruaof.com