ตอนที่ 1.1 การค้นพบปัญหา
การเข้าใจปัญหาคืออะไร?
การเข้าใจปัญหาคือ การรู้ว่าปัญหาคืออะไร เกิดขึ้นที่ไหน และเกิดขึ้นอย่างไร เพื่อจะได้หาทางแก้ไขได้ถูกต้อง

ตัวอย่างง่าย ๆ
- ถ้าลืมของไว้ที่โรงเรียน เราต้องคิดว่า “ของหายได้ยังไง?” แล้วจะได้หาทางเก็บของให้เรียบร้อย
- ถ้าเปิดไฟทิ้งไว้ เราก็อาจทำป้ายติดที่สวิตช์ไฟว่า “อย่าลืมปิดไฟ!”
ขั้นตอนง่าย ๆ ในการเข้าใจปัญหา
- สังเกตดูว่ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้น
- ถามตัวเองว่า “เกิดขึ้นเพราะอะไร?”
- คิดว่าเราจะแก้ปัญหานี้ได้ยังไง
- เลือกวิธีที่ดีที่สุดมาทำ
จำไว้นะ
เมื่อเราเข้าใจปัญหาดีแล้ว เราจะสามารถแก้ปัญหาได้ง่ายและไม่เกิดซ้ำอีก!

ตอนที่ 1.2 ขั้นตอนการแก้ปัญหา
การวางแผนแก้ปัญหาคืออะไร?
เมื่อเรารู้ว่าเกิดปัญหาอะไรขึ้นแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือ การวางแผนเพื่อแก้ไขปัญหานั้นให้ดีที่สุด
การวางแผนจะช่วยให้เราคิดอย่างเป็นระบบ คิดก่อนทำ และลดข้อผิดพลาด

ขั้นตอนง่าย ๆ ในการวางแผนแก้ไขปัญหา
- คิดวิธีแก้ปัญหาให้ได้หลาย ๆ วิธี
(เช่น ถ้าลืมปิดไฟ อาจทำป้าย หรือบอกให้เพื่อนช่วยเตือน) - เลือกวิธีที่คิดว่าเหมาะสมที่สุด
(เลือกวิธีที่ง่าย ปลอดภัย และทำได้จริง) - วางลำดับขั้นตอนการลงมือทำ
(เช่น ขั้นที่ 1 เขียนป้าย ขั้นที่ 2 แปะไว้หน้าประตู) - เตรียมอุปกรณ์หรือสิ่งที่ต้องใช้
(ปากกา, กระดาษ, เทปกาว เป็นต้น)
ตัวอย่างสถานการณ์
ปัญหา: ลืมเอาสมุดการบ้านไปโรงเรียนบ่อย
วิธีแก้: เขียนเช็กลิสต์ของใช้ที่ต้องใส่กระเป๋า แล้วอ่านทุกเช้าก่อนออกจากบ้าน
จำไว้นะ
การวางแผนคือ “การคิดก่อนทำ”
ช่วยให้เราทำสิ่งต่าง ๆ ได้ดีขึ้น และไม่ผิดพลาดบ่อย
ความหมายของการแก้ปัญหา
การแก้ปัญหา คือ การลงมือทำเพื่อหาทางออกของปัญหาที่เกิดขึ้น โดยอาจมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับปัญหาแต่ละอย่าง เช่น การเดินทางออกจากเขาวงกต, การหาคำตอบจากข้อมูล ฯลฯ

วิธีการแก้ปัญหามีหลายแบบ
1. การลองผิดลองถูก ดูภาพจากสถานการณ์
เป็นการลองทำหลาย ๆ วิธี เพื่อดูว่าวิธีใดสามารถแก้ปัญหาได้สำเร็จ
ตัวอย่าง: เล่นเกมเขาวงกต ถ้าเจอทางตันก็ลองเปลี่ยนเส้นทางใหม่ จนกว่าจะเจอทางออก
2. ใช้ความสัมพันธ์ของข้อมูลที่มีเหตุผลซึ่งกันและกัน

คือการดูความเกี่ยวข้องของข้อมูล เพื่อหาคำตอบหรือวิธีแก้ปัญหา
ตัวอย่าง: ดูลำดับตัวเลข เช่น 2, 4, 6, 8, 10 → จะเห็นว่าเพิ่มทีละ 2
3. การขจัด (การเรียงข้อมูลเพื่อหาทางเลือกที่ดีที่สุด)
หลังพักกลางวัน เพื่อน ๆ กลับมาหน้าห้องเรียน แต่พบว่า ประตูห้องล็อกอยู่! และคุณครูยังไม่กลับมา เด็ก ๆ รู้ว่าก่อนหน้านี้มี 3 คนที่ถือกุญแจ
เพื่อนทั้งกลุ่มต้องช่วยกันวิเคราะห์ว่า ใครเป็นคนที่น่าจะถือกุญแจอยู่ตอนนี้


ใช้ข้อมูลช่วยเลือกวิธีหรือคนที่เหมาะสมที่สุดในการแก้ปัญหา
ตัวอย่าง: อยากจัดกิจกรรมให้เพื่อนทั้ง 4 คนมีส่วนร่วมทุกคน → ต้องเลือกกิจกรรมที่ทุกคนทำได้ เช่น วาดภาพ, เล่นดนตรี ฯลฯ
คำถามกระตุ้นคิดวิเคราะห์ ในสถานการณ์ที่ 1
- ถ้าคุณอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน คุณจะเริ่มเก็บของอย่างไร?
- ระหว่าง “รีบเก็บทันที” กับ “วางแผนก่อนแล้วค่อยเก็บ” แบบไหนที่คิดว่าจะได้ผลดีกว่า? เพราะอะไร?
- ถ้าคุณเป็นหัวหน้าทีม คุณจะวางแผนให้เพื่อนช่วยกันเก็บอย่างไรให้เร็วและเรียบร้อย?
สถานการณ์: กล่องของเล่นปริศนา
วันหนึ่งหลังเลิกเรียน นักเรียนกลุ่มหนึ่ง (3 คน) กำลังช่วยคุณครูเก็บของในห้องเรียน พวกเขาเจอกล่องใหญ่ใบหนึ่งที่เต็มไปด้วยหนังสือ ดินสอ สี ไม้บรรทัด และของใช้อื่น ๆ กระจัดกระจายเต็มพื้น
เด็กชายคนหนึ่งเสนอว่า:
“เราต้องรีบเก็บเลย เดี๋ยวคุณครูว่า!”
แต่เมื่อรีบเก็บของแบบไม่จัด กล่องกลับปิดไม่สนิท เพราะของปะปนกันไปหมด
เด็กหญิงคนหนึ่งจึงพูดขึ้นว่า:
“ลองหยิบของออกมา แล้วแยกทีละประเภทก่อนดีไหม?”
จากนั้นพวกเขาจึงเริ่มลองใหม่ โดยลองจัดกลุ่มแบบต่าง ๆ เช่น:
- จัดกลุ่มตามประเภท (หนังสือไว้ด้วยกัน, ดินสอรวมกัน)
- จัดตามขนาด
- วางของแนวนอนแล้วค่อย ๆ ซ้อนขึ้นไป
แต่ละครั้งที่ลองผิดลองถูก พวกเขาก็พูดคุยและช่วยกันสังเกตว่า วิธีไหนเวิร์กหรือไม่เวิร์ก
สุดท้าย พวกเขาพบว่าวิธีที่ดีที่สุดคือ แยกประเภทก่อน แล้วค่อยวางเรียงตามขนาดลงกล่อง
สรุป
การแก้ปัญหาไม่มีวิธีเดียวที่ถูกต้องเสมอไป นักเรียนควรฝึกสังเกต คิด และทดลองหลายวิธี เพื่อเลือกวิธีที่ดีที่สุดสำหรับปัญหานั้น

